Tuesday, July 21, 2015

กะเทยพัทยาโหด มีดกรีดหน้าไกด์หนุ่มรัสเซียชิงทรัพย์


เมื่อเวลา 03.45 น.(22 ก.ค.) Mr.Belorzuko Nioxim อายุ 25 ปี สัญชาติ รัสเซีย ไกด์นำเที่ยวบริษัทเซเว่น ทัวร์ สภาพใบหน้าถูกของมีคมกรีดเป็นแผลฉกรรจ์ เนื้อตัวเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบเลือด วิ่งเข้าขอความช่วยเหลือกับ ร.ต.ท.นิวัตน์ เพ็งแคน พนักงานสอบสวน สภ.เมืองพัทยา จ.ชลบุรี
ระบุว่าถูกกะเทยใช้อาวุธมีดทำร้ายและชิงทรัพย์ไป เหตุเกิดห้องพักไม่มีชื่อ ภายในซอย 6/1 ถนนเลียบชายหาดเมืองพัทยา เบื้องต้นทางตำรวจได้ประสานหน่วยกู้ภัยมูลนิธิสว่างบริบูรณ์เมืองพัทยา ทำปฐมพยาบาลคนเจ็บ ก่อนเคลื่อนย้ายนำส่ง รพ.บางละมุง ไปรักษาบาดแผล
โดยจากการสอบถาม คนเจ็บ ทราบว่า ขณะที่กำลังเดินเล่นอยู่ภายในซอยเกิดเหตุ จากนั้นได้มีกะเทยจำนวน 2 คน ชักชวนขึ้นไปร่วมหลับนอน เมื่อขึ้นไปยังห้องพักแล้วร่วมเพศกันเสร็จ ได้มาตรวจสอบทรัพย์สินปรากฏว่า ทรัพย์สินเป็น ไอโฟน 4 เอส และเงินสดกว่า 10,200 บาท สูญหายไป จึงสงสัยว่ากะเทยสองคนลักขโมยไปอย่างแน่นอน
จากนั้นจึงเกิดปากเสียงกันขึ้นและพยายามที่จะค้นตัวกะเทยทั้งสองแต่กะเทย ก็ได้ขัดขืนต่อสู้ ก่อนที่หนึ่งในกลุ่มกะเทยจะชักมีดคัตเตอร์ขึ้นมาทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บ หลังจากนั้นจึงวิ่งเข้ามาขอความช่วยเหลือกับวิน จยย.รับจ้าง กลางซอย ไม่ยอมช่วยเหลือและยังหัวเราะเยาะตนอีก ทั้งที่ตนมีบาดแผลเลือดอาบหน้า จากนั้นจึงได้ตัดสินใจเดินมาขอความช่วยเหลือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ สภ.พัทยาดังกล่าว

ภายหลังเกิดเหตุทางเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบห้องพักเกิดเหตุ พบมีดคัตเตอร์จำนวน 1 เล่ม มีคราบเลือดติดอยู่ เจ้าหน้าที่จึงยึดไว้เป็นหลักฐาน ส่วนสองกะเทยผู้ก่อเหตุได้หลบหนีไปก่อนหน้าเจ้าหน้าที่มาถึง ในเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ทราบชื่อกะเทยหนึ่งในผู้ก่อเหตุแล้ว ทราบชื่อคือ นายแอน (ไม่ทราบชื่อสกุลจริง) อายุประมาณ 25 ปี
อย่างไรก็ตามจะเร่งติดตามตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีตามกฎหมาย เนื่องจากเป็นคดีทำให้เสียภาพลักษณ์การท่องเที่ยวเมืองพัทยาเป็นอย่างมาก

ที่มา http://news.sanook.com/1834278/

กลุ่มรัฐอิสลามในอิรัก ใช้สัตว์พลีชีพ

กลุ่มรัฐอิสลามในอิรัก ใช้สัตว์พลีชีพ จุดชนวนระเบิดก่อการร้าย ยุทธศาสตร์ใหม่หลังนักสำรวจพบว่า กลุ่มสุดโต่งใช้อาวุธเคมีโจมตีคู่ต่อสู้
วานนี้ (20 ก.ค.) เว็บไซต์ข่าวสารออนไลน์ ต่างประเทศรายงานเรื่องราว ความเคลื่อนไหวของกลุ่มรัฐอิสลาม ในอิรักและซีเรีย หรือ ‘กลุ่มไอเอส กลุ่มสุดโต่งชื่อก้องโลก ที่มีอัตลักษณ์ในการก่อการร้ายที่โหดเหี้ยม จนเป็นที่รู้จักไปทั่วทุกสารทิศ ไม่ว่าจะเป็นความรุนแรงในเด็ก สตรี รวมไปถึงวิธีการล่าสุด ที่กลุ่มรัฐอิสลามมีการใช้สัตว์มาเป็นเครื่องมือในการก่อการร้าย ด้วยวิธีการใช้ระเบิดพลีชีพ หรือ ระเบิดฆ่าตัวตาย ในการโจมตีศัตรูคู่ต่อสู้
ทั้งนี้รายงานระบุว่า กลุ่มจิฮัด จะใช้สัตว์ปีก เช่นไก่ ในการผูกติดกับระเบิด และส่งพวกมันไปยังจุด หรือค่ายที่คู่ต่อสู่อาศัยอยู่ และจะทำการลั่นชนวนระเบิด ด้วยการควบคุมระยะไกล ซึ่งวิธีการดังกล่าวมีชื่อว่า ‘suicide chickens’ ระเบิดพลีชีพไก่ โดยพื้นที่ที่กลุ่มไอเอส ใช้ยุทธศาสตร์ทางการโจมตีดังกล่าวไปแล้ว คือเมืองฟอลลูจาห์ ในประเทศอิรัก
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้มีรายงาน จากนักสำรวจสัญชาติอเมริกัน ว่ากลุ่มไอเอส ได้ใช้อาวุธเคมีเพื่อการโจมตีคู่ต่อสู้ หลังจากเปิดฉากกระหน่ำโจมตีกลุ่มชาติพันธุ์ชาวเคิร์ด หรือ กองกำลังพิทักษ์ชาวเคิร์ด ‘วายพีจี’ ซึ่งเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ที่นับถือศาสนาคริสต์ หลังจากมีผู้พบเห็นซากอาวุธจากการโจมตีของกลุ่มไอเอส มีสารเคมีปะปนรวมอยู่ด้วย ซึ่งขณะนี้ กลุ่มไอเอสได้ขยายอำนาจไปยังภูมิภาคต่าง ๆ ในคาบสมุทรอาหรับ และแอฟริกาเหนือ ในหลายพื้นที่ซึ่งเป็นปัญหาที่น่ากังวลอย่างยิ่งในขณะนี้

ที่มา http://news.mthai.com/hot-news/world-news/454254.html

Friday, July 10, 2015

ยิงหนุ่มตายสยอง ขณะลงรถกระบะจะเข้าบ้าน น้องสาวเห็นคาตา 2 มือปืนขี่จยย.ตามมา!!


เมื่อเวลา 00.30 น. วันที่ 10 ก.ค. ร.ต.อ.เจริญ บุญสิทธิ์ ร้อยเวรฯ สภ.เมืองปราจีนบุรี ได้รับแจ้งจาก นางบุญมี อายุ 63 ปี อยู่หมู่ 10 ต.โนนห้อม อ.เมืองปราจีนบุรี จ.ปราจีนบุรี เหตุหลานชายตนเอง คือ นายกิตติพงษ์ มีรส อายุ 24 ปี อยู่บ้านเดียวกัน ถูกคนร้าย จำนวน 2 คน ยิงเสียชีวิต สถานที่เกิดเหตุหน้าบ้านตนเองในหมู่บ้านดงคุย หลังสถานีรถไฟโคกมะกอก จึงรายงานผู้บังคับบัญชาและพร้อมด้วย ร.ต.ท.หัตพัต ใจโปร่ง รอง สวป.สภ.เมืองปราจีนบุรี , พ.ต.อ.ประโชติ กันหะ ผกก.สภ.เมืองปราจีนบุรี นพ.กมล รัศมีหิรัญ แพทย์เวรฯ รพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศร และเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานไปตรวจสอบ

 พบเป็นบ้านชั้นเดียวยกสูง หน้าบ้านปากทางขึ้น พบศพผู้เสียชีวิต คือ นายกิตติพงษ์ มีรส นอนหงายท้อง สวมเสื้อยืดคอกลมสีดำกางเกงลายพรางขาสั้น เสียชีวิตคาที่ ข้างประตูรถกระบะยี่ห้อนิสสัน สีบรอนซ์เงิน หมายเลขทะเบียน บท 4501 ปราจีนบุรี ของผู้เสียชีวิต ตรวจสอบบาดแผล พบที่หน้าอกซ้ายถูกยิงด้วยอาวุธปืนพกสั้นลูกซองหลายแผล ข้างๆตัว มีกุญแจรถยนต์ตกอยู่ ไม่พบปลอกกระสุน

 สอบสวน น.ส.จริยา อายุ 20 ปี อยู่บ้านเดียวกัน เป็นลูกพี่ลูกน้องกับผู้เสียชีวิต และเห็นเหตุการณ์ กล่าวว่า อยู่บ้านเดียวกันกับผู้เสียชีวิต โดยผู้เสียชีวิตนั้น พ่อแม่เสียชีวิตไปก่อนหน้าแล้ว ทั้งคู่อาศัยอยู่กับย่า คือ นางบุญมี มีอาชีพรับจ้างติดป้ายโฆษณาและรถแห่โฆษณา ก่อนเกิดเหตุ ระหว่างผู้เสียชีวิตกลับมาจากทำงาน ขณะที่ขับรถกระบะมาจอดหน้าบ้าน กำลังเปิดประตูลงจากรถ มีรถจยย.ขับขี่ตามหลังมาเป็นชายรวม 2 คน จากนั้นได้ยินเสียงปืนดัง 1 นัด คิดว่าเป็นเสียงประทัด และ จยย.ขับขี่กลับทางเดิม มุ่งหน้าออกไปทางถนนสายปราจีนตคาม มาพบอีกครั้งผู้เสียชีวิตถูกยิงตายคาที่แล้ว โดยผู้ตายก่อนหน้านี้เคยต้องโทษคดียาเสพติด และเสพยาเสพติด

 หลังชันสูตรพลิกศพตรวจสอบหลักฐาน ได้นำส่ง รพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศร อีกครั้งหนึ่ง พร้อมวิทยุสกัดเส้นทางต่างๆ ที่คาดคนร้ายหลบหนีแต่ไม่พบร่องรอย




ที่มา khaosod

ลูกสาว18ถูกลักพาตัว!! พ่อวอนช่วยด่วน ไปรับเงินค่าตัวดีเจแล้วหายไป-โทรมามีเสียงชายข่มขู่


วันที่ 10 ก.ค. นายฉลาด กองสำลี อยู่หมู่ 9 บ้านหนองแสน ต.หนองแสน อ.วาปีปทุม จ.มหาสารคาม ร้องเรียนกับสื่อมวลชนว่า บุตรสาวตน ชื่อ นางสาววิชญาดา กองสำลี อายุ 18 ปี หรือ น้องโบว์ ปัจจุบันเรียนอยู่ กศน.อำเภอวาปีปทุม หายออกไปจากบ้าน เมื่อเวลาประมาณ 15.00 น. วันที่ 7 ก.ค. โดยอ้างว่าวันนี้จะมีคนเอาเงินมาให้จำนวน 3 พันบาท เป็นค่าตัวจากการเป็นดีเจในโปรแกรมแช็ตแคมฟรอก หลังจากลูกสาวรับโทรศัพท์แล้วเดินออกจากบ้านไปทางหนองน้ำบริเวณข้างหมู่บ้าน จากนั้นก็ขาดการติดต่อแล้วหายไปไม่กลับบ้านอีกเลย

 นายฉลาด ผู้เป็นพ่อ เล่าว่า ปกติน้องโบว์เป็นคนขยัน ช่วยเหลืองานบ้านและหารายได้ช่วยเหลือครอบครัว ด้วยการขายเสื้อผ้าในตัว อ.แกดำ ส่วนช่วงเย็น จะกลับมาให้อาหารเป็ดที่เลี้ยงที่บ้านทุกวัน วันเกิดเหตุเวลาประมาณบ่าย 3 โมง หลังรับโทรศัพท์แล้วเดินออกจากบ้านไปนาน ตนเห็นผิดสังเกต จึงบอกให้ลูกชายออกไปตามหา แต่ไม่พบ โดยเจอแต่รถจักรยานยนต์จอดอยู่ ออกไปตามหา และถามคนแถวนั้นไม่มีใครทราบ จนเมื่อเวลาประมาณหนึ่งทุ่ม ลูกสาวได้โทรศัพท์กลับมาบอกแม่ว่าให้ช่วยด้วย ตอนนี้ตนเองถูกจับขังอยู่ในรถ ซึ่งวิ่งไปเรื่อยๆ ข้างหน้ามีผู้ชายนั่งอยู่ 3 คน ที่ด้านหลังมีผู้หญิงสาวอีก 4 คนรวมเป็น 5 คน

 ตนจึงถามว่าทำไมจึงได้ไปกับเขา ก็ได้รับคำตอบว่า จำได้แต่เพียงเดินไปข้างริมสระน้ำชุมชนใกล้หมู่บ้าน เจอกับผู้หญิงวัยกลางคนอายุประมาณ 50 ปี ถือของพะรุงพะรัง เดินก้มหน้ามา และขอให้น้องโบว์ช่วยถือของให้ หลังจากนั้นจึงหมดสติไป และมารู้สึกตัวอีกที ก็อยู่บนรถแล้ว หลังจากนั้นโทรศัพท์ก็ตัดไป แต่ได้แชร์พิกัดว่า ขณะนั้นอยู่ที่ อ.สูงเนิน จ.นครราชสีมา ด้วยความเป็นห่วงลูกสาว ตนจึงได้โทรศัพท์ไปปรึกษาญาติ ซึ่งเป็นตำรวจอยู่ สภ.โกสุมพิสัย ก็ได้แนะนำให้ไปแจ้งความกับตำรวจในท้องที่ใกล้ที่สุดโดยด่วน

 จากนั้นเช้าวันที่ 8 ก.ค. ตนจึงให้ลูกชายลองคุยกับบุตรสาวผ่านทาง facebook ว่า ตอนนี้อยู่ที่ไหน ประมาณ 2 ทุ่ม ลูกสาวจึงตอบกลับมาว่าไม่ทราบว่าตนเองอยู่ที่ไหน รู้แต่ว่าตนเองอยู่ในความมืด ตนจึงถามว่ากลุ่มที่ลักพาตัวไป รู้หรือไม่ว่าตนเองมีโทรศัพท์ ลูกสาวบอกว่าได้ซ่อนโทรศัพท์ไว้ เวลาจะโทรศัพท์ก็มีพี่อีก 4 คน ที่ถูกลักพาตัวมาด้วยกันเป็นคนดูต้นทางให้แล้วจึงแอบโทรศัพท์กลับมาหาพ่อ ซึ่งในครั้งนี้ ลูกสาวให้รายละเอียดว่า กลุ่มคนร้ายได้พาตัวไปพักไว้ ณ สถานที่แห่งหนึ่ง แต่ไม่ทราบว่าอยู่ที่ไหน มีลักษณะเป็นห้องพัก มีคนเฝ้าหน้าประตูเป็นผู้ชาย

 ระหว่างนั้นน้องโบก็ติดต่อมาเป็นระยะๆ เนื่องจากต้องการเซฟแบตโทรศัพท์ไว้ ตอนที่โทรคุยกันมีอยู่ช่วงหนึ่ง ได้ยินเสียงผู้ชายพูดว่า "พวกมึงกินข้าวก่อน ตอนนี้พวกกูยังไม่ทำอะไรพวกมึงหรอก เพราะยังไม่ถึงเวลาพาพวกมึงไป" ตนจึงตกใจและแน่ใจว่าลูกสาวถูกลักพาตัวแน่นอนแล้ว ระหว่างนั้นจึงเข้าไปแจ้งความและปรึกษา เจ้าหน้าที่ทหาร และแจ้งมูลนิธิกระจกเงา มูลนิธิปวีณา และส่วนต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง มีอยู่ช่วงหนึ่งลูกสาวได้ส่งพิกัดมาว่าขณะนี้อยู่ที่จรัญสนิทวงศ์ เขตบางกอกน้อย จากนั้นอีก 10 นาที ได้โทรกลับมาบอกพ่อว่าขณะนี้ เขากำลังจะพาตัวไปกักไว้ที่อื่นอีก แล้วก็ขาดการติดต่อไป

 เช้าวันที่ 9 ก.ค. ได้มีการติดต่อมาหาตนอีกครั้ง พร้อมแชร์พิกัดว่าแถวอรุณอัมรินทร์ แต่ช่วงนี้เสียงของลูกสาวเปลี่ยนไป ไม่มีความรู้สึกหวาดกลัว พูดคุยเป็นปกติ แต่ไม่ได้บอกพิกัดเหมือนเช่นทุกครั้งที่ผ่านมา ทำให้ตนเองรู้สึกแปลกใจมาก ทั้งที่การพูดคุยก่อนหน้านั้นมีเสียงหวาดกลัว คล้ายกับจะร้องไห้อยู่ตลอดเวลา อาจเป็นไปได้ว่าถูกคนร้ายข่มขู่เพื่อปิดบังอำพรางว่าลูกสาวไม่ได้อยู่ในอันตราย

 นายฉลาด กล่าวต่อว่า ตนมั่นใจสาเหตุที่บุตรสาวถูกจับตัวไปครั้งนี้สาเหตุน่าจะมาจากการเล่นแคมฟรอก ซึ่งวันที่ 7 ก.ค. ลูกสาวเคยบอกว่าจะมีคนนำเงินมาให้ประมาณ 3,000 บาท เป็นค่าจัดรายการเป็นดีเจผ่านโปรแกรมแคมฟรอก ทำให้ตนมีความมั่นใจว่าประเด็นการหายตัวไปครั้งนี้น่าจะมาจากการล่อลวงผ่านโปรแกรมดังกล่าวแน่นอน ทั้งนี้ตนมั่นใจว่าลูกสาวยังมีชีวิตอยู่ และกำลังถูกย้ายตัวไปหลบซ่อนในที่ต่างๆ ในเขตภาคกลาง จึงขอวิงวอนให้เจ้าหน้าที่ตำรวจและหน่วยงานต่างๆ ช่วยเหลือลูกสาวตนพร้อมทั้งหญิงสาวที่ถูกจับตัวไปด้วย ตามเบาะแสที่ตนได้ให้ไป พร้อมทั้งขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้ดลบันดาลให้ได้พบลูกสาวโดยเร็วต่อไป





ที่มา khaosod