กรณีโอนเงินไปที่สิงคโปร์ทหารคุมสอบนศ.จี้เลิกม.44
“บิ๊กป๊อก” ขอ นศ.หยุดเคลื่อนไหว ขู่ป่วนอีกโดนดำเนินคดี “บิ๊กโด่ง” โวยบิดเบือนจนท.คุกคาม จี้อาจารย์เตือนสติลูกศิษย์ เลิกส่งเสริมทางที่ไม่ดี เครือข่ายองค์กรนักศึกษาผนึกกำลังกร้าวสู้ต่อปลุกมวลชนทวงคืนประชาธิปไตย จี้ คสช.ยกเลิก ม.44 “บิ๊กตู่” เผยจับแล้วมือโพสต์โอนหมื่นล้านซุกสิงคโปร์ ซัดมีภาพชัดโยงกลุ่ม นปช. ทหารคุมตัวสอบหญิงต้องสงสัยเอี่ยวแก๊งปูดข่าวปฏิวัติซ้อน “ประยุทธ์” ท้า “ยิ่งลักษณ์-อภิสิทธิ์” ออกหน้าจอดวลฝีปากปฏิรูป “มาร์ค” ไม่ขัดปัดไม่ใช่คู่ขัดแย้ง กมธ.ยกร่างฯขีดเส้นวาระนายกฯไม่เกิน 8 ปี เสียง ส.ส.รับรองนายกฯคนนอกไม่ครบ 2 ใน 3 นายกฯคนนอกหมดสิทธิ์ลุ้นเก้าอี้
กรณีกลุ่มนักศึกษาขบวนการประชาธิปไตยใหม่ ซึ่งได้รับอิสรภาพปล่อยตัวออกจากเรือนจำ และประกาศเดินหน้าเคลื่อนไหวต่อต้านคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติต่อไปนั้น
“บิ๊กป๊อก” ขู่ นศ.ไม่หยุดโดนดำเนินคดี
เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 9 ก.ค. ที่กระทรวงมหาดไทย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย กล่าวถึงกรณีนักศึกษากลุ่มขบวนการประชาธิปไตยใหม่ 14 คน ยืนยันจะเคลื่อนไหวต่อไปว่า อยากทำความเข้าใจกับกลุ่มนักศึกษาซึ่งเป็นพลังบริสุทธิ์ว่า ขณะนี้ทุกคนอยู่ภายใต้กฎหมาย หากมีใครละเมิดหรือทำผิดกฎหมายก็ต้องถูกดำเนินคดี ไม่สามารถละเว้นได้ หากการเคลื่อนไหวดังกล่าวเพื่อสร้างกระแส หรือก่อให้เกิดความขัดแย้งขึ้น ตนยิ่งไม่เห็นด้วย อยากให้กลุ่มนักศึกษาเข้าใจว่าขณะนี้เราทำอะไรไม่ได้นอกเหนือจากรอให้การพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแล้วเสร็จ และเดินหน้าสู่การเลือกตั้ง หากนักศึกษายังคงเคลื่อนไหวต่อ และยิ่งมีบางส่วนที่ไม่เข้าใจ ปัญหาความขัดแย้งก็จะวนกลับมาอีก ดังนั้นอย่าทำเลย ขอให้รอ ส่วนจะมีผู้ที่อยู่เบื้องหลังหรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหวของนักศึกษาหรือไม่นั้น ทางเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงจะตรวจสอบเพื่อดำเนินการเอาผิดต่อไป
“บิ๊กโด่ง” ลุยแจงจนกว่าจะเข้าใจ
ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) ถนนราชดำเนิน พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหมและ ผบ.ทบ. กล่าวว่า จะต้องทำความเข้าใจกับตัวนักศึกษาและผู้ปกครอง แต่บางคนก็บิดเบือนกล่าวหาว่าเจ้าหน้าที่ไปข่มขู่เป็นเรื่องไม่ถูกต้อง ทั้งนี้นายกฯบอกว่าเรื่องนี้พยายามแก้ไขอยากให้เรื่องสงบ และไม่ให้ความสนใจเรื่องนี้ เพราะส่วนใหญ่รู้อยู่แล้วว่าเราต้องการความสงบเรียบร้อย ไม่ต้องการให้มีปัญหา อย่างไรก็ตาม ไม่อยากกล่าวบ่อยๆเพราะจะไปจุดประเด็น การแก้ไขปัญหาเราต้องพยายามสร้างความเข้าใจ เราไม่มีสิทธิจะไปโกรธใคร รัฐบาลใจเย็นที่จะแก้ไขปัญหาให้ได้ ถ้านักศึกษาบอกว่าจะเคลื่อนไหวต่อไป เราก็ต้องพยายามทำให้เข้าใจให้มาร่วมมือให้ได้ ถ้าไม่ได้ประเทศชาติก็จะพัง จะมาบอกว่าไม่เห็นเป็นไรเลยจะเคลื่อนไหวต่อไป ผู้ที่บอกว่าปรารถนาดีกับประเทศต้องเข้าใจว่าควรสนับสนุนหรือไม่ จะบอกว่านักศึกษาเป็นเยาวชนไม่ควรรับโทษทัณฑ์เรื่องนี้ก็ใช่ แต่สถานการณ์แบบนี้หากปล่อยปละละเลยจะก่อตัวบานปลาย ดังนั้นอย่าไปทำอะไรเลย ซึ่งนายกฯไม่สบายใจที่เกิดเรื่องแบบนี้ ใครที่เป็นผู้หลักผู้ใหญ่หรืออาจารย์ที่ออกมาเตือนสติส่วนใหญ่เข้าใจดี แต่บางท่านมองในแง่มุมไม่ครบเพียงส่วนเดียวว่า ต้องปฏิบัติต่อเยาวชนที่ไม่ควรได้รับโทษ จึงอยากขอร้องกรุณามองภาพความมั่นคงกว้างๆไม่เช่นนั้นประเทศจะมีปัญหา
วอนอาจารย์เลิกส่งเสริมแบบผิดๆ
พล.อ.อุดมเดชกล่าวว่า รัฐบาลและ คสช.จะพยายามอย่างยิ่งในการประคับประคองบ้านเมืองที่ยังไม่เรียบร้อย และต้องปฏิรูปให้เสร็จสมบูรณ์ เป็นพื้นฐานที่แน่นหนา เป็นมาตรฐานให้ประเทศชาติอยู่ต่อไป หากมองแง่มุมเดียวไม่มองภาพกว้างปัญหาจะเกิดขึ้น ขอกราบเรียนอาจารย์บางท่านว่า ขอให้เข้าใจและร่วมมือกัน อย่าส่งเสริมในทางไม่ดี ขอขอบคุณอาจารย์ที่ออกมาเตือนสติลูกศิษย์ ควรทำความเข้าใจและพากันไปในทางที่ดี นักศึกษาก็ขอให้เรียนหนังสือ เพื่อก้าวต่อไปมีอาชีพวางรากฐานชีวิตตัวเอง จะดีต่อส่วนรวมและประเทศชาติก็จะดีไปด้วย บางท่านยังมีความคิดที่อาจมองรัฐบาลไม่ลึกซึ้งว่า รัฐบาลไม่ได้หวังอะไร แต่ที่อยู่เพื่อปูพื้นฐานให้มั่นคงเป็นรากฐานในอนาคตเท่านั้น
องค์กร นศ.ผนึกกำลังถกแนวต่อสู้
ด้านความเคลื่อนไหวกลุ่มขบวนการประชาธิปไตยใหม่ หรือเอ็นดีเอ็ม เมื่อเวลา 10.00 น. ที่ตึกกิจกรรม มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต กลุ่มเอ็นดีเอ็ม ซึ่งประกอบด้วยกลุ่มกิจกรรมนักศึกษาและกิจกรรมสังคม อาทิ กลุ่มธรรมศาสตร์เสรีเพื่อประชาธิปไตย (แอลแอลทีดี) กลุ่มดาวดิน จาก จ.ขอนแก่น กลุ่มศูนย์กลางนิสิตนักศึกษาเพื่อประชาธิปไตย (ศนปท.) กลุ่มคณะกรรมการประสานงานเยาวชนเพื่อสังคมประชาธิปไตย (วายพีดี) นัดประชุมหารือเป็นครั้งแรกหลังได้รับอิสรภาพจากเรือนจำ มีสมาชิกเอ็นดีเอ็มกว่า 30 คนเข้าร่วม ยกเว้น น.ส.ชลธิชา แจ้งเร็ว มศว ประสานมิตร ที่ป่วย ขณะที่นายรัฐพล ศุภโสภณ นศ.เศรษฐศาสตร์ เดินทางกลับก่อนเพราะติดภารกิจส่วนตัว โดยถูกจับตาใกล้ชิดจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายข่าวกรอง ทั้งตำรวจและทหาร เนื่องจากมีการแจ้งกับสื่อมวลชนว่าจะมีแถลงข่าว ทำให้ พ.ต.อ.เขมพัทธ์ โพธิพิทักษ์ ผกก.สภ.คลองหลวง พร้อมกำลังตำรวจนับสิบนายเดินทางมาเจรจา ขอให้ฝ่ายอาคารสถานที่ของ มธ.ศูนย์รังสิต ไม่ให้กลุ่มเอ็นดีเอ็มใช้ห้องกิจกรรมแถลงข่าว
โวยถูกคุมขังขัดหลักสิทธิมนุษยชน
กระทั่งเวลา 16.00 น. กลุ่มเอ็นดีเอ็ม นัดสื่อ มวลชนไปที่สวนหย่อมกลางอาคารโดมบริหาร เจ้าหน้าที่ตำรวจพยายามเจรจากับฝ่ายสถานที่ไม่ให้จัดกิจกรรมอีกครั้ง แต่ไม่เป็นผล จึงนำกำลังมาตรึงรอบอาคารไว้ แต่ไม่สามารถสกัดกั้นได้ เพราะมีกองทัพสื่อมวลชนมารออยู่จำนวนมาก ต่อมานายรังสิมันต์ โรม นักศึกษานิติศาสตร์ มธ.กลุ่มแอลแอลทีดี นายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือไผ่ แกนนำกลุ่มดาวดิน นายทรงธรรม แก้วพันพฤกษ์ กลุ่ม ศนปท.ร่วมแถลงข่าวว่า หลังศาลทหารยกคำร้องฝากขังผลัดที่ 2 ปลดปล่อยอิสรภาพ 14 นักศึกษา สังคมถกเถียงถึงความอยุติธรรมที่เกิดขึ้น แต่อีกด้านกลับมีเสียงชื่นชม คสช.ที่ใช้ไม้นวม ลดท่าทีแข็งกร้าว รวมไปถึงศาลทหารมีเมตตา ทั้งที่ยังคงมีเจ้าหน้าที่ทหาร เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองของรัฐ ลงไปเยี่ยมเยียนสอบถามเชิงกดดันผู้ปกครอง จึงขอแถลงจุดยืนดังนี้ 1.กรณีการคุมขังกลุ่มเอ็นดีเอ็ม เป็นการกระทำที่ขัดต่อหลักสิทธิมนุษยชน เนื่องจากฝากขังโดยไม่มีการสอบสวน ดังนั้น แม้ว่าจะยกคำร้องฝากขังผลัดที่ 2 ก็มิได้ทำให้รู้สึกว่ามีความเป็นธรรมเกิดขึ้น ความอยุติธรรมได้เกิดขึ้นตั้งแต่การแจ้งข้อกล่าวหาด้วยมาตรา 44 การออกหมายจับด้วยศาลทหาร การเข้าจับกุมโดยไม่แสดงตัวและหมายจับ ทำให้ต้องสูญเสียอิสรภาพถึง 12 วัน ทั้งนี้ ยังคงมีเพื่อนของเราที่ยังมีอาการบาดเจ็บจากการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐ
ปลุกมวลชนทวง ปชต.–จี้ยกเลิก ม.44
2. ขอเรียกร้องและตอกย้ำให้สาธารณชนตระหนักว่า มาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญชั่วคราว เป็นสิ่งที่ไม่อาจเรียกว่ากฎหมายได้ ตรงข้ามเป็นสิ่งที่ควบคุมและขัดขวางเสรีภาพการแสดงออกของประชาชน ที่ต้องการออกมาบอกกล่าวปัญหาต่างๆที่ได้รับ ดังเช่นเคยเกิดขึ้นในทุกรัฐบาลก่อนหน้านี้ เราจึงขอเชิญชวนให้สาธารณชนร่วมส่งเสียงประกาศก้องให้รัฐบาล คสช. ยกเลิกการใช้มาตรา 44 โดยเร็ว 3.เรายืนยันที่จะเคลื่อนไหวต่อไปในฐานะนักศึกษา นักกิจกรรม นักประชาธิปไตย ในการลงพื้นที่ศึกษาเรียนรู้ ตลอดจนร่วมต่อสู้กับขบวนการชาวบ้าน ขบวนการประชาชนอื่นๆทั้งใน กทม.และในภูมิภาคต่างๆ ขอประกาศว่าเราพร้อมจะร่วมมือกับทุกองค์ที่มีจุดยืนเรียกร้องประชาธิปไตย ตาม 5 หลักการ คือ ประชาธิปไตย สิทธิมนุษยชน ความยุติธรรมการมีส่วนร่วม และสันติวิธีต่อไป
เผยถูก จนท.ประกบ–อุบไต๋กิจกรรม
นายรังสิมันต์กล่าวว่า หลังออกจากเรือนจำถูกเจ้าหน้าที่สะกดรอยตามตลอด ไม่อยู่บ้านก็มีทหารนอกเครื่องแบบ 5 คนมาที่บ้านที่มีแต่ผู้หญิงกลางดึก ตอนนี้ทั้งน่ากลัวและหนักใจ แนวโน้มเผด็จการทหารจะใช้ความรุนแรงกับประชาชนที่ไม่เกี่ยวข้องมากขึ้น ส่วนที่กล่าวหาว่ามีนักการเมือง มีองค์กรต่างประเทศอยู่เบื้องหลังกลุ่มเอ็นดีเอ็ม คือใคร มีหลักฐานอะไรแน่จริงให้บอกมา ถ้าจ้างต้องใช้เงินเท่าไร ที่ต้องมาเสี่ยงชีวิต ถ้ามีเงินทุน แนวร่วมคงไม่มีแค่หลักสิบหลักร้อย คณะรัฐประหารพยายามป้ายสีเหมือนสมัย 6 ตุลาฯ สร้างความชอบธรรมหากใช้ความรุนแรง ส่วนที่ว่าให้เคลื่อนไหวได้แต่อย่าล้ำเส้นนั้น ครั้งหนึ่งแค่ตนจัดกิจกรรมกินแซนด์วิชก็ถูกพาเข้าค่ายทหารแล้ว เห็นได้ว่ามาตรฐานของ คสช.ไม่มีอะไรแน่นอน การเคลื่อนไหวของกลุ่มหลังจากนี้มีแน่ แต่จะทำอย่างไรขออุบไว้ก่อน
ย้อนถามใครอยู่เบื้องหลังรัฐประหาร
นายจตุภัทร์กล่าวว่า ตอนนี้เขาทำกับเราไม่ได้ ก็ไปเล่นงานครอบครัว อาจารย์ แทน อุดมการณ์ของเราคือต่อต้านคอร์รัปชัน การรัฐประหารคือการคอร์รัปชันอย่างหนึ่ง เพราะเอื้อประโยชน์ให้พวกพ้อง ที่มาถามพ่อแม่เราว่ามีใครเบื้องหลังเรานั้น ขอถามกลับไปว่าแล้วใครกันที่อยู่เบื้องหลัง คสช.ในการรัฐประหาร ถ้าบอกว่าเป็นประชาชนก็ขอถามว่ากลุ่มไหน ฝากบอกด้วยว่าที่บอกจะเชิญไปกินข้าวเราคงไปเพราะน่าจะได้กินอาหารดีๆ แต่สิ่งที่เราจะพูดคือ คสช.ออกไป เราเป็นแค่ส่วนหนึ่งของเอ็นดีเอ็ม ที่มีอยู่ทั่วประเทศ คุยกับพวกเราก็คงไม่ใช่ความเห็นทุกคน ทางที่ดีคือ คสช.ออกไปคืนอำนาจให้ประชาชนด้วยการเลือกตั้งดีกว่า
2 ม.มหาสารคามค้านต้าน คสช.
ที่กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย จ.มหาสารคาม ศาลากลาง จ.มหาสารคาม คณะครู อาจารย์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม และมหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม กว่า 30 คน นำโดยนายวิรัติ ปานศิลา ประธานสภาคณาจารย์มหาวิทยาลัยมหาสารคาม และนายสุทธิพงศ์ หกสุวรรณ อาจารย์มหาวิทยาลัยมหาสารคาม นายสมาน ศรีสะอาด รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม ร่วมกันแถลงจุดยืนไม่เห็นด้วย นักศึกษาเคลื่อนไหวต้านรัฐบาลและ คสช. เชื่อว่าถูกชักนำด้วยอาจารย์ที่มีผลประโยชน์ทางการเมือง และถือเป็นการเคลื่อนไหวส่วนบุคคล ทางมหาวิทยาลัยจะไม่รับผิดชอบใดๆ ทั้งสิ้น วอนสื่อมวลชนอย่าให้ความสำคัญ พยายามใช้ความเป็นกลางให้ข้อมูลอย่าโน้มน้าว ทั้งนี้จะรวบรวมรายชื่อเรียกร้องให้กลุ่มบุคคลยุติความเคลื่อนไหวด้วย
“บิ๊กตู่” ชี้จับแล้วมือโพสต์ซุกหมื่นล้าน
ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช. กล่าวถึงการจับกุมมือโพสต์ปล่อยข่าวกรณี พล.อ.ประยุทธ์ โอนเงินหมื่นล้านไปยังบัญชีประเทศสิงคโปร์ว่า จับมาได้แล้ว ทำไมต้องมารายงานตนทุกเรื่องเลยหรือ ให้รอฟังการแถลงข่าวว่าจะเกี่ยวโยงกลุ่มใด ให้ฝ่ายที่เกี่ยวข้องเขาทำงานบ้าง ถ้าตนพูดคนเดียวสื่อจะไม่สนใจคนอื่น แล้วก็บอกว่าเขาไม่ทำงาน ต่อจากนี้ ตนจะให้คนอื่นพูดเยอะขึ้น ไม่อย่างนั้นสื่อฟังคนคนเดียว แล้วบอกว่ารองนายกฯหรือรัฐมนตรีไม่ทำงาน นายกฯทำงานคนเดียว แต่ที่ตนพูดก็เพราะว่าพูดเสียงดังกล้าพูดกับสื่อ
ซัดมีภาพชัดเชื่อมโยงกลุ่ม นปช.
เมื่อถามว่า มือโพสต์จะเกี่ยวโยงกับกลุ่มนักศึกษาหรือกลุ่มการเมืองอื่นหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ ตอบว่า “ตอนนี้ใครเคลื่อนไหว นักศึกษาเคลื่อนไหวก็เป็นนักศึกษา แล้วมีใครอีก โดยผู้ต้องหาที่จับตัวได้มีความเชื่อมโยง โดยมีภาพกับกลุ่ม นปช.เท่านั้นแหละจบ เดี๋ยวไปดูรูปเขาสิ เขาสารภาพว่าอยู่กลุ่มไหน ให้รอฟังการแถลงข่าว เดี๋ยวไม่ตื่นเต้น เขาสารภาพแล้วก็จบ ก็เป็นไปตามกฎหมาย ซึ่งหลายคนก็ให้อภัยไป หลายคนก็เมตตา แต่ก็ยังทำซ้ำแล้วซ้ำอีกอยู่นั่น ความเมตตามันก็จำกัดเหมือนกัน”
ทหารคุมตัวสอบหญิงเอี่ยวปูดข่าว ปว.
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงความคืบหน้าการจับกุมมือโพสต์ข้อความ พล.อ.ประยุทธ์และภริยาโอนเงินหมื่นล้านบาทไปประเทศสิงคโปร์ ว่าขณะนี้เจ้าหน้าที่ทหารได้ควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยไว้แล้ว เป็นผู้หญิงอยู่ระหว่างการสอบสวน ควบคุมตามเงื่อนไขกฎอัยการศึก สำหรับอุปกรณ์ที่ตรวจยึดได้มีข้อมูลที่เป็นหลักฐานยืนยันได้ว่า ผู้ที่ถูกควบคุมตัวเป็นผู้โพสต์ข้อความดังกล่าวจริง และพบเชื่อมโยงกับกลุ่มที่เคยโพสต์ข้อความปฏิวัติซ้อน ซึ่งวันที่ 10 ก.ค. จะมีความชัดเจนในรายละเอียด
ด้าน พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร.กล่าวว่า ฝากเตือนพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะวัยรุ่นที่คึกคะนองที่ชอบโพสต์ข้อความที่เป็นเท็จ หรือโพสต์ข้อความที่ทำให้ผู้อื่นเสียหาย สร้างความสับสนตื่นตระหนกตกใจ เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 14 ถ้ามีความผิดเกิดขึ้นจะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม เมื่อผิดกฎหมายก็เป็นหน้าที่ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องดำเนินคดี ส่วนกรณีดังกล่าวในรายละเอียดยังไม่ขอเปิดเผย
ท้า“ปู” ออกทีวีดวลฝีปาก“มาร์ค”
อีกเรื่อง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช.กล่าวถึงกรณีที่ศูนย์ปรองดองสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูป (ศปป.) เชิญนักการเมืองร่วมออกรายการเดินหน้าปฏิรูปทางทีวี สร้างบรรยากาศความปรองดองว่า เรื่องนี้ไม่ใช่แต่เรื่องปรองดองโดยเป็นแนวคิดของคณะทำงานในการให้แต่ละฝ่ายเข้ามาพูดคุย ซึ่งรายการดังกล่าวตนต้องการให้สื่อมวลชนกรุณาฟังให้จบว่า ที่ตนให้มาพูดกันนั้นมีใครบ้าง 1.อดีตรัฐบาล 2.สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) 3.บุคคลสำคัญในแวดวงต่างๆ ที่ไม่ใช่รัฐบาล โดยให้ฟังเขาแสดงปัญญาออกมาว่ามันถูกหรือผิด ต้องการให้เรียนรู้ว่าคนเหล่านี้วันหน้าจะมาเป็นรัฐบาลก็ฟังไว้ว่าเขาพูดถูกหรือผิด ทำได้หรือไม่ได้ มีส่วนร่วมในความเสียหายหรือไม่ ถ้าออกมาพูดแล้วพูดแต่ปัญหาอย่างนี้อย่างนั้นแล้วไม่ได้ทำ อย่ามาพูดกับตน ไม่อยากฟัง ส่วนประชาชนจะคิดแบบที่ตนคิดหรือเปล่าไม่รู้
เมื่อถามว่านอกจากอดีตนายกฯ อย่าง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จะเชิญใครอีกหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ ตอบอย่างมีอารมณ์ว่า พูดอยู่เมื่อกี้ว่าเขาจะมาหรือเปล่ายังไม่รู้เลย ปัดโธ่ เขาจะมาไหมเล่า จะกล้ามาพูดไหมเล่า ไปถามเขาให้หน่อย ไปเขียนหนังสือพิมพ์ถามเขาที ตอนมาเขียนด่าว่าตนกลับเขียนได้ แต่กลับไม่กล้าเขียน แตะต้องคนอื่น
“เอนก” เชียร์เปิดประตูปรองดอง
นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ ประธานกรรมการศึกษาแนวทางการสร้างความปรองดอง สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) กล่าวถึงกรณีศูนย์ปรองดองสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูป (ศปป.) จะเชิญ น.ส.ยิ่งลักษณ์และนายอภิสิทธิ์มาออกรายการเดินหน้าปฏิรูป ทางสถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 ว่า หากสองฝ่ายตอบรับคำเชิญ จะเป็นนิมิตหมายที่ดี ถ้ามีครั้งแรกก็ต้องมีครั้งต่อไป ขยายวงพูดคุยกว้างขวางมากขึ้น แต่สังคมอย่าเพิ่งไปดีใจว่าคุยกันไม่กี่ครั้งแล้วจะจบ ความสันติสุขน่าจะเริ่มขึ้นถ้าทุกฝ่ายเปิดโอกาสคุยกันต่อไปเรื่อยๆ แม้จะยากลำบาก แต่ถ้าสองฝ่ายอยากให้บ้านเมืองมีทางออกน่าจะต้องมาร่วม เรื่องนี้ไม่ใช่แค่วิชาการ แต่เป็นเรื่องสุดยอดทางการเมือง ยิ่งใหญ่ไม่น้อยกว่าเรื่องใดๆ ที่ต้องใช้ความใจกว้างพร้อมเสนอทางออกร่วมกัน มีแต่มุมข้อดี ยังไม่เห็นข้อเสียสักข้อ
“อภิสิทธิ์” ออกตัวไม่ใช่คู่ขัดแย้ง
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์และอดีตนายกฯ กล่าวถึงกรณีที่มีข่าวว่า คสช.จะเชิญไปออกรายการเดินหน้าประเทศไทย ประเด็นปฏิรูปประเทศกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ว่า ยังไม่เคยมีการประสานเรื่องนี้ ตนไม่เคยมีปัญหาเรื่องการแสดงความเห็นอยู่แล้ว ยืนยันว่าไม่ใช่คู่ขัดแย้งกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ แต่ทำหน้าที่ฝ่ายค้านตรวจสอบรัฐบาล คัดค้านการบริหารที่ขาดธรรมาภิบาลจนชาติเสียหาย จึงไม่อยากให้ผู้มีอำนาจตั้งโจทย์ว่า ใครเป็นคู่ขัดแย้งกับใคร แต่ขอให้ไปดูที่ต้นเหตุของปัญหาว่าเกิดจากการบริหารที่ไม่ชอบธรรมของรัฐบาลในขณะนั้น ไม่ใช่เรื่องประชาชนทะเลาะกัน หรือเป็นการแย่งชิงอำนาจทางการเมือง ทั้งนี้ รัฐบาลควรขยายพื้นที่การแสดงความคิดเห็นให้มากขึ้น เพื่อคืนสังคมเข้าสู่ภาวะปกติ เพราะขณะนี้เปิดพื้นที่ในลักษณะอยู่ภายใต้การควบคุมของ คสช. แต่ยังถือว่าเป็นเรื่องดีที่ยังเปิดพื้นที่เชื่อว่าในที่สุด คสช.จะเปิดพื้นที่เพิ่มขึ้น เพื่อเดินหน้าสู่โรดแม็ประยะที่ 3 ตามที่เคยระบุไว้
ขีดเส้นวาระนายกฯไม่เกิน 8 ปี
เมื่อเวลา 09.00 น. ที่รัฐสภา มีการประชุมคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ยกร่างรัฐธรรมนูญ ที่มีนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธาน กมธ.ยกร่างฯ เป็นประธานในการประชุม มีวาระพิจารณาปรับแก้ร่างรัฐธรรมนูญเป็นรายมาตรา ภาค 2 ผู้นำการเมืองที่ดีและสถาบันการเมือง หมวด 4 คณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยมาตรา 171 ที่ประชุมได้ปรับถ้อยคำของวาระดำรงตำแหน่งของนายกรัฐมนตรีจากเดิมที่ใช้คำว่า “ติดต่อกันเกินกว่าสองวาระมิได้” เป็น “ติดต่อกันเกินกว่าแปดปีมิได้” เนื่องจากหากเขียนคำว่าวาระอาจทำให้เกิดการตีความและความเข้าใจผิด ขณะที่ประเด็นที่มานายกฯ ได้นำมาตรา 172 และ 173 มารวมกันโดยยังคงหลักเกณฑ์เดิม แต่ปรับถ้อยคำที่ว่าด้วยบุคคลที่ได้รับการเสนอชื่อเป็นนายกฯ ที่ไม่ได้ดำรงตำแหน่ง ส.ส.ให้ชัดเจนมากขึ้น คือต้องได้รับเสียงไม่น้อยกว่าสองในสามของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎรเท่านั้น
พ้น 30 วันนายกฯต้องเป็น ส.ส.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นอกจากนี้ ที่ประชุมยังเพิ่มถ้อยคำว่า หากเมื่อพ้น 30 วันนับแต่วันแรกที่เลือกนายกฯ แล้ว ไม่มีบุคคลใดได้รับคะแนนเสียงเห็นชอบตามกฎเกณฑ์ ให้ประธานสภาผู้แทนฯ นำชื่อของผู้ที่ได้รับคะแนนเสียงมากที่สุด ซึ่งต้องเป็น ส.ส.เท่านั้น ทูลเกล้าฯแต่งตั้งเป็นนายกฯ
ตัดอำนาจ ส.ว.สแกนคุณสมบัติ รมต.
ขณะที่มาตรา 174 ว่าด้วยให้นายกฯ นำชื่อผู้ซึ่งจะเป็นรัฐมนตรีส่งให้ประธานวุฒิสภาจัดประชุมวุฒิสภาเพื่อตรวจสอบคุณสมบัติ ที่ประชุม กมธ.ยกร่างฯ ได้ตัดออกทั้งมาตรา เพื่อให้สอดคล้องกับการแก้ไขมาตรา 130 วรรคสอง ว่าด้วยอำนาจของวุฒิสภาที่พิจารณาเสร็จไปก่อนหน้านี้ และมาตรา 175 ว่าด้วยคุณสมบัติของรัฐมนตรี ที่ประชุมได้พิจารณาตัดถ้อยคำของ (6) ว่าด้วยการแสดงสำเนาภาษีเงินได้ย้อนหลัง 3 ปีของรัฐมนตรีให้ไปอยู่ในส่วนของการตรวจสอบเมื่อรัฐมนตรีพ้นจากตำแหน่งแทน
แก้ ม.181 ส.ส.ยื่นซักฟอกได้ ตัดทิ้ง ม.182
นอกจากนี้ ในมาตรา 181 ได้ตัดถ้อยคำที่มีปัญหาว่า เมื่อนายกฯ เสนอขอความไว้วางใจตามมาตรานี้ ส.ส.จะยื่นญัตติเสนอขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจนายกฯ ในระหว่างนั้นไม่ได้ตัดออกไป และตัดกรณีที่มติไว้วางใจมีคะแนนเสียงตั้งแต่กึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ จะเข้าชื่อเสนอญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจนายกฯ ในสมัยประชุมอีกไม่ได้ ซึ่งจะทำให้ ส.ส.สามารถเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจได้ หลังสภาฯลงมติไว้วางใจนายกฯ แล้ว แต่ยังคงกรณีที่มติไว้วางใจมีคะแนนเสียงน้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนฯ นายกฯจะกราบ บังคมทูลให้พระมหากษัตริย์ทรงยุบสภาผู้แทนฯ ก็ได้ ส่วนมาตรา 182 ที่ว่าด้วย “การให้อำนาจนายกรัฐมนตรีเสนอร่าง พ.ร.บ.ต่อสภา จากความจำเป็นของการบริหารราชการแผ่นดินได้ และหาก ส.ส.ไม่ได้ยื่นขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯ ภายใน 48 ชั่วโมง จะเท่ากับว่าสภาได้ให้ความเห็นชอบกับร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวนั้น” ได้ตัดทิ้งทั้งมาตรา
โยนยกร่างฯ โละคนนอกนั่ง ก.ต.
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้า คสช. ตน และนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธาน กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ ได้รับบันทึกฉบับที่ 2 ของนายธานินทร์ กรัยวิเชียร องคมนตรี ที่ขอให้แก้ไขร่างรัฐธรรมนูญใหม่ ไม่ให้มีผู้ทรงคุณวุฒิจากภายนอกมาเป็นคณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม (ก.ต.) แล้ว นายกฯไม่ได้สั่งการใดๆ ขึ้นอยู่กับ กมธ.ยกร่างฯจะพิจารณา ซึ่งเคยปรับแก้แล้วครั้งหนึ่งให้มี 2 คนใน 15 คน ส่วนการทำงานของ กมธ.ยกร่างฯกรณีร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญชั่วคราว 2557 ที่ประกาศต่อเวลาให้ กมธ.ยกร่างฯ อีก 30 วัน ประกาศใช้ไม่ทันจริงๆก็ต้องยึดกรอบเดิมคือร่างรัฐธรรมนูญต้องแล้วเสร็จภายในวันที่ 20 ก.ค.และ กมธ.ยกร่างฯต้องส่งร่างให้ สปช.วันที่ 23 ก.ค.เพื่อนำไปลงมติเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบในวันที่ 6 ส.ค.
พท.บี้สอบข้าวเสื่อมยุค “มาร์ค”
นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รักษาการรองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีต ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ อย่ามาด่วนสรุปพรรคเพื่อไทยยื่นหนังสือให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช.ในฐานะประธานกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว ตรวจสอบการระบายข้าวเสื่อมคุณภาพและคุณภาพต่ำจำนวน 5.8 ล้านตัน ยื่นแบบไม่รู้เรื่องการระบายข้าว ไม่รู้ว่า นพ.วรงค์ไม่เข้าใจหรือแกล้งไม่เข้าใจ ตนเพียงขอให้ตรวจสอบข้าวเสื่อมคุณภาพและคุณภาพต่ำที่ระบุเก็บไว้ในโกดังชื่ออะไร ตั้งอยู่ที่ไหน เลขที่สัญญาใด เพราะทั้งหมดนี้ต้องรับผิดชอบ และยอมชดใช้ความเสียหายต่อรัฐแล้วหรือยัง
แนะ “วิรไท” ปรับนโยบายการเงิน
นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมว.พลังงาน ในฐานะคณะทำงานด้านเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ขอแสดงความยินดีและให้กำลังใจกับนายวิรไท สันติประภพ ที่ได้รับแต่งตั้งเป็นผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คนใหม่ เชื่อว่าจะบริหาร ธปท.ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพียงแต่อยากให้ปรับนโยบายการเงินให้เข้ากับสถานการณ์เศรษฐกิจของโลกที่ผันผวนอย่างทันท่วงที ยึดตามอัตราแลกเปลี่ยนที่ทำให้ประเทศไทยสามารถแข่งขันได้ตามแนวคิดนายวีรพงษ์ รามางกูร อดีตประธานคณะกรรมการ ธปท.ซึ่งน่าจะเป็นประโยชน์
“วัชระ” ตอกกลับ “โอ๊ค”
นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวตอบโต้นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตร พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯที่โพสต์เฟซบุ๊กพาดพิงตนและพรรคประชาธิปัตย์ว่า ไม่เคยเชื่อว่านายพานทองแท้เขียนเอง ทราบว่ามีสื่อมวลชนอาวุโสเขียนแทน ที่ระบุว่าพรรคประชาธิปัตย์จะปรับสีห้อยโหนผู้มีอำนาจนั้น ยืนยันว่า เรามีจุดยืนเหมือนเดิม ไม่ได้เป็นลิ่วล้อของทหารหรือรัฐบาลทรราช ที่กล่าวหาว่าตนคัดค้านการปล่อยตัว 14 นักศึกษาล้วนเป็นเท็จ เพราะได้เรียกร้องให้หัวหน้า คสช.ใช้ ม.44 นิรโทษกรรม นายพานทองแท้ควรบอกบิดาให้เลิกอาฆาตประเทศไทยได้แล้ว
คปพ.จี้รื้อใหม่ ก.ม.ปิโตรเลียม
เมื่อเวลา 09.30 น. ที่ศูนย์บริการประชาชน ทำเนียบรัฐบาล เครือข่ายประชาชนปฏิรูปพลังงานไทย (คปพ.) นำโดยนายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ เข้ายื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช.เพื่อให้ยับยั้งและถอนร่าง พ.ร.บ.ปิโตรเลียมและร่าง พ.ร.บ.ภาษีเงินได้ปิโตรเลียม ที่กระทรวงพลังงานเสนอออกจากการพิจารณาของ สนช. โดยนายกมล สุขสมบูรณ์ ที่ปรึกษา ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รมต.ประจำสำนักนายกฯรับเรื่อง จากนั้นเวลา 10.30 น. ม.ล.กรกสิวัฒน์ เกษมศรี เป็นตัวแทน คปพ.ไปยื่นหนังสือคัดค้านร่าง พ.ร.บ.ทั้งสองฉบับต่อนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช.และ พล.อ.สกนธ์ สัจจานิต ประธานคณะ กมธ.การพลังงาน สนช.ในฐานะประธานคณะ กมธ.วิสามัญศึกษาปัญหาการบังคับใช้ พ.ร.บ.ปิโตรเลียม พ.ศ.2514 และ พ.ร.บ.ภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ.2514 เพื่อขอให้ยับยั้งร่าง พ.ร.บ.สองฉบับแล้วยกร่างใหม่ ให้เหตุผลเพราะมีลักษณะให้สัมปทานซ่อนรูป ไม่ได้แบ่งปันผลผลิตตามนโยบายของนายกฯ โดยยึดรายงานของ กมธ. และร่างของภาคประชาชนมาเปรียบเทียบ
ขณะที่นายพรเพชรกล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีร่าง พ.ร.บ.ใดจากกระทรวงพลังงานส่งผ่าน ครม.มาให้ สนช.พิจารณา ยืนยันว่า สนช.จะเปิดกว้างสอบถามผู้เชี่ยวชาญ ภาคประชาชน และแปรญัตติแก้ไขได้
สนช. อุ้ม “ครูหยุย” พ้นผิดทำท่าปาดคอ
เมื่อเวลา 10.00 น. ที่รัฐสภา มีการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) มีนายพีระศักดิ์ พอจิต รองประธาน สนช.คนที่สอง เป็นประธาน ที่ประชุมได้เห็นชอบรายงานการศึกษาและตรวจสอบการปฏิบัติงานของคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ตามที่คณะ กมธ.วิสามัญพิจารณาศึกษา ติดตามและตรวจสอบการปฏิบัติงานของ กสทช.พิจารณาแล้วเสร็จ ซึ่งระบุว่าการบริหารงบฯประจำปี 56 ของ กสทช.ไม่สอดคล้องกับหลักธรรมาภิบาล ควรแก้ไข พ.ร.บ. กสทช.พ.ศ.2553 และทบทวนว่าจะมีคณะกรรมการติดตามและประเมินผลการปฏิบัติงานของ กสทช. (กปต.) หรือไม่ ถ้ายังมีควรขึ้นตรงกับวุฒิสภา
ต่อมาที่ประชุมได้ประชุมลับนาน 30 นาที เพื่อพิจารณารายงานผลการสอบสวนของคณะกรรมการจริยธรรม สนช. กรณี ม.ล.มิ่งมงคล โสณกุล หรือ “เต่านา” ร้องเรียนนายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ สมาชิกสนช. แสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสมเยาะเย้ยยกมือขึ้นทำท่าปาดคอตัวเอง หลังทราบผล สนช.ลงมติถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯในโครงการรับจำนำข้าว จากนั้นนายพีระศักดิ์ แจ้งว่าที่ประชุมมีมติเป็นเอกฉันท์ว่า การกระทำของนายวัลลภไม่ได้ฝ่าฝืนหรือขัดต่อข้อบังคับการประมวลจริยธรรมของ สนช. ทั้งนี้คณะกรรมการจริยธรรมฯได้รายงานผลสอบว่านายวัลลภแสดงพฤติกรรมตามที่ร้องเรียนมาจริง เพียงครั้งเดียวจบ แต่ไม่มีเจตนาเยาะเย้ยถากถางส่อเสียด น.ส.ยิ่งลักษณ์ เพียงแต่ตกใจที่เห็นผลคะแนนถอดถอนสูงมาก ไม่มีการแสดงอาการเยาะเย้ยต่อเนื่อง
แฉประมูลเอ็นจีวีฉาวล็อกสเปก
วันเดียวกัน นายอรุณ ลีธนาโชค หนึ่งในคณะกรรมการคุณธรรม ที่คณะกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (คตช.) ตั้งขึ้นตรวจสอบโครงการจัดซื้อรถเมล์ปรับอากาศประจำทางเอ็นจีวีขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) เปิดเผยว่า โครงการจัดซื้อรถเมล์เอ็นจีวี จำนวน 489 คัน มูลค่ากว่า 1.7 พันล้านบาท ที่บริษัท ช.ทวี ดอลลาเซียน จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ชนะการประมูลและจะลงนามในเดือน ก.ค.มีการร้องเรียนความไม่โปร่งใส จากการตรวจสอบพบขั้นตอนการประมูล การยื่นทีโออาร์รวมไม่โปร่งใส มีการล็อกสเปก ไม่เป็นไปตามข้อตกลงคุณธรรมเพราะพบความผิดปกติในหลายประเด็น ขณะที่กรมบัญชีกลางได้นำรายงานฉบับนี้มาพิจารณาและมีมติให้ส่งรายงานนี้ไปให้บอร์ด ขสมก.พิจารณาให้ยกเลิกการประมูลในครั้งนี้ และเมื่อทำรายงานส่งถึง คตช.กลับไม่ได้รับความสนใจ ซึ่งขณะนี้ กรรมการคุณธรรม 4 คน ได้ออกแล้ว 2 คน โดยตนเป็นหนึ่งที่ได้ลาออก และตนได้รับการติดต่อจากทางอัยการ ซึ่งเป็นผู้ดูสัญญาก่อนลงนาม เชิญตนไปให้ข้อมูลแต่ยังไม่ได้กำหนดวัน เวลา
กก.คาใจพิรุธยุบทิ้งอนุ คตช. 50 ชุด
ด้านนายไพโรจน์ วงศ์วิภานนท์ คณะอนุกรรมการหามาตรการป้องกันการทุจริต คตช.ในฐานะประธานที่ปรึกษาและติดตามเฝ้าระวังการประมูลรถเมล์ NGV กล่าวว่า หลังจากที่กรรมการคุณธรรม 2 คนลาออก ได้ทำรายงานถึงเหตุที่ลาออกส่งมายัง คตช.แต่ยังไม่ทันพิจารณา ปรากฏว่า อนุกรรมการคุณธรรมที่แต่งตั้งโดย คตช.ทั้งหมดจำนวน 50 ชุด ถูกยุบไปทั้งหมด ทำให้การทำงานกลายเป็นอัมพาตทันที ตนสงสัยว่า ทำไมถึงถูกยุบ ทั้งๆที่เป็นช่วงจังหวะที่สำคัญ เพราะใกล้จะทำสัญญาจัดซื้อรถเมล์ลอตนี้ จึงเป็นห่วงว่า หาก คตช.ไม่ดำเนินการอะไรอย่างจริงจังและเร่งด่วน จะทำให้กระบวนการยุติธรรม ในระบบคุณธรรมที่ท่านนายกฯตั้งใจมีความบกพร่อง
ภาค ปชช.ฟ้องศาล ปค.สูงสุดเพิกถอน
ขณะที่นายกรณ์ รูโปบล ผู้แทนเครือข่ายประชาชนเพื่อเฝ้าระวังการคอร์รัปชันในภาครัฐ เปิดเผยว่า หลังจากที่เครือข่ายฯได้ยื่นฟ้องคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรี รมว.กระทรวงคมนาคม องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก) และ รมว.คลัง ต่อศาลปกครองกลาง เพื่อขอให้ยกเลิกการประกวดราคาจัดซื้อรถเมล์เอ็นจีวี 489 คัน มีราคาสูงเกินจริง ได้ตัดสินใจยื่นอุทธรณ์คดีดังกล่าวต่อศาลปกครองสูงสุดเมื่อวันที่ 30 มิ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งศาลได้รับเรื่องไว้พิจารณาแล้ว โดยขอให้ศาลเพิกถอนประกาศจัดซื้อรถดังกล่าว เพราะเป็นการจัดซื้อไม่ชอบด้วยกฎหมาย
พธม.ยื่นฎีกาขยายเวลาชดใช้
นายสุวัตร อภัยภักดิ์ ทนายความกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เปิดเผยว่า กรณีที่ พล.ต. จำลอง ศรีเมือง กับแกนนำพันธมิตร รวม 13 คน ถูกศาลอุทธรณ์พิพากษายืนให้ชดใช้เงิน 522,160,947.31 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี ให้กับบริษัทการท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) จากการชุมนุม ยึดสนามบินดอนเมือง และท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยศาลออกใบสำคัญคดีถึงที่สุดแล้วนั้น เมื่อวันที่ 8 ก.ค.ที่ผ่านมา กลุ่มพันธมิตรฯได้ยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาฎีกา พร้อมทั้งยื่นฎีกาต่อศาลในคดีดังกล่าวแล้ว โดยอ้างเหตุสุดวิสัย ส่วนในการบังคับคดีฝ่ายโจทก์ยังไม่ได้ขอหมายบังคับคดีจากศาล และยังไม่ได้รับใบสำคัญคดีถึงที่สุด
ที่มา http://www.thairath.co.th/content/510637
How to play slot machine with real money in Japan - Casino Queen
ReplyDeleteand play クイーンカジノ online casino game 12bet for real money. You should also make sure you have a few minutes of Number of Games: 3+ (1-16)Max. Payouts: dafabet link 211,000.00