Tuesday, February 17, 2015

กมธ.ยกร่างฯ ลดอำนาจส่วนกลางเพิ่มบทบาทท้องถิ่น แก้กม.สัมปทานต้องประมูลเปิดเผย เปิดช่องไม่ใช้ประโยชน์ ยกเลิกใบอนุญาต โว ปฏิรูป 'ศึกษา-สธ.' ทั้งระบบให้ 'ชุมชน-องค์กร' ท้องถิ่นมีส่วนร่วมเน้น ปชช.เป็นศูนย์กลาง




เมื่อวันที่ 17 ก.พ.ที่รัฐสภา นายคำนูณ สิทธิสมาน โฆษกคณะกรรมาธิการ(กมธ.)ยกร่างรัฐธรรมนูญ แถลงถึงความคืบหน้าในการยกร่างรัฐธรรมนูญรายมาตราในภาค 4 การปฏิรูปและการสร้างความปรองดอง ว่า มีการกำหนดให้การบริหารราชการแผ่นดินและการจัดสรรงบประมาณดำเนินตามยุทธศาสตร์ระยะยาว และแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติสร้างกลไกให้มีบริการผ่านระบบสารสนเทศทบทวนภารกิจ และบริการสาธารณะที่หน่วยงานรัฐจัดทำ เพื่อลดความซ้ำซ้อนรวมถึงอาจให้ภาคเอกชน ภาคประชาชน หรือองค์กรบริหารท้องถิ่นเข้ามาดำเนินการได้ นอกจากนี้มีการปรับปรุงกฎหมายเรื่องการออกใบอนุญาตที่มีลักษณะผูกขาดให้สัมปทานหรือให้สิทธิในการประกอบกิจการใดให้ใช้วิธีการประมูลโดยเปิดเผยเป็นหลัก เว้นแต่มีความจำเป็นครม.อาจมีมติให้ดำเนินการได้ด้วยวิธีอื่นโดยต้องประกาศเหตุผลให้ทราบเป็นการทั่วไปและใบอนุญาตใดที่ไม่มีการดำเนินการตามที่ได้รับอนุญาตแล้วโดยไม่มีเหตุผลอันสมควรให้ ถือว่า ใบอนุญาตนั้นสิ้นสุดลง และให้หน่วยงานของรัฐ ซี่งมีอำนาจออกใบอนุญาตมีหน้าที่ต้องพิสูจน์ความจำเป็นของการมีใบอนุญาตนั้นต่อรัฐสภาทุก 5 ปี

นายคำนูณ กล่าวว่า ตามรัฐธรรมนูญใหม่จะมีองค์กรบริหารภาค เป็นราชการส่วนกลางที่ตั้งอยู่ในภูมิภาคทำหน้าที่ให้การศึกษาและข้อเสนอแนะในการบริหารงานของหน่วยงานรัฐในพื้นที่ และให้มีคณะกรรมการอิสระว่าด้วย ค่าตอบแทนบุคลากรภาครัฐทำหน้าที่ศึกษาวิเคราะห์เทียบเคียงค่าตอบแทนรวมทั้งเงินเดือนและผลประโยชน์ตอบแทนทุกประเภทกับค่าตอบแทนของเอกชนแจ้งให้รัฐสภาและครม.ทราบแล้วประกาศให้ทราบเป็นการทั่วไปทุกระยะตามที่กฎหมายบัญญัติ

นพ.ชูชัย ศุภวงศ์ รองประธานกมธ. ยกร่างฯ กล่าวว่าหมวด 2 การปฏิรูป เพื่อลดความเหลื่อมล้ำ และสร้างความเป็นธรรม ว่า ในส่วนที่ 15 การปฏิรูปด้านสาธารณสุข มาตราที่ 1 ได้มีการปฏิรูปด้านสาธารณสุขตามแนวทาง ดังนี้ (1) เร่งพัฒนาระบบสุขภาพที่ให้ความสำคัญต่อการจัดบริการสุขภาพปฐมภูมิที่เน้นพื้นที่ ที่เป็นฐานและมีประชาชนเป็นศูนย์กลางรวมทั้งการสร้างเสริมสุขภาพและการป้องกันโรค และภัยคุกคามต่อสุขภาพ เพื่อนำไปสู่สุขภาวะที่ยั่งยืนของสังคมไทยโดยให้ชุมชนและองค์กรบริหารท้องถิ่นมีส่วนร่วมในการดำเนินการด้วย (2) ปฏิรูปการบริหารจัดการระบบหลักประกันสุขภาพรวมถึงการเงินการคลังของกองทุนสุขภาพให้มีลักษณะ และมาตรฐานใกล้เคียงกันมีความเสมอภาค และเป็นธรรมเพียงพอและยั่งยืน โดยเน้นการมีส่วนร่วมจากทุกฝ่ายโดยคำนึงถึงความทั่วถึง ประสิทธิภาพและประสิทธิผลให้เกิดนโยบายการดำเนินการที่เป็นธรรมลดความเหลื่อมล้ำและเป็นที่ยอมรับในการให้บริการสาธารณสุข

ด้านนายอมรวิชช์ นาครทรรพ สมาชิกสภาปฏิรูป(สปช.)ด้านการศึกษา กล่าวถึง ส่วนที่ 7 การปฏิรูปด้านการศึกษา ว่า ในมาตรา 1ให้มีการปฏิรูปการศึกษา เพื่อพัฒนาคนให้เป็นพลเมืองดี มีความรู้ความสามารถโดยยึดหลัก อาทิ 1.กระจายอำนาจการจัดการศึกษาโดยลดบทบาทของรัฐ จากการเป็นผู้จัดการศึกษาให้เป็นผู้จัดให้มีการศึกษา ส่งเสริมสนับสนุน รวมทั้งกำกับนโยบายและติดตามประเมินผลการศึกษา และส่งเสริมให้สถานศึกษาบริหารจัดการได้อย่างเป็นอิสระโดยให้เอกชน ชุมชน และองค์กรบริหารส่วนท้องถิ่น มีส่วนร่วมอย่างเหมาะสมด้วย 2.ปรับปรุงระบบการพัฒนาเด็กปฐมวัยตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดา 3.ปรับปรุงอาชีวะศึกษาไปสู่ระบบการผลิตและพัฒนาบุคลากรภาคการผลิตให้ตรงตามความต้องการและสาขาที่ขาดแคลนภายใน 2 ปี ตั้งแต่ประกาศใช่รัฐธรรมนูญ 4.พัฒนาระบบการเรียรู้โดยเน้นกระบวนการคิดใช้เหตุผลและการเรียนรู้ด้วยการปฏิบัติ 5.พัฒนาและประเมินครูอาจารย์และบุคลากรทางการศึกษาให้เหมาะสมกับแต่ละระดับการศึกษา 6.จัดการจัดทำประมวลกฎหมายการศึกษา.


ที่มาโดย :   dailynews.co.th

0 comments:

Post a Comment

Show Emoticons