โดยอยู่ภายใต้กรอบสมมติฐานอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ หรือ จีดีพี ที่เติบโตราว 3-4% และอัตราน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ยทั้งปีอยู่ที่ 50-60 เหรียญต่อบาร์เรล เป็นผลจากการปรับราคาค่าไฟฟ้าผันแปร รวมไปถึงการดูแลค่าครองชีพ
ขณะเดียวกันกระทรวงฯ ยังคาดการณ์อัตราแลกเปลี่ยนภายใต้สมมติฐานที่ 32-34 บาทต่อดอลลาร์ โดย มองว่าหลังจากนี้อัตราเงินเฟ้อน่าจะค่อย ๆทยอยปรับเพิ่มสูงขึ้น จากราคาน้ำมันที่เริ่มปรับตัวสูงขึ้น
ประกอบกับโดยทั่วไปเมื่อใกล้ช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี ราคาน้ำมันจะปรับขึ้นแรงจากความต้องการใช้น้ำมันของตะวันตกที่ต้องการปริมาณน้ำมันมากในช่วงฤดูหนาว
สำหรับอัตราเงินเฟ้อที่มีการปรับลดลงมาก ส่วนใหญ่มีสาเหตุมาจากราคาน้ำมันที่ปรับลดลงเป็นหลัก นอกจากนี้ ผู้ตรวจราชการ กระทรวงพาณิชย์ ยอมรับว่าในปีนี้ไทยมีความเสี่ยงที่จะต้องเผชิญปัญหาเงินเฟ้อชะลอตัว แต่ยังไม่เกิดภาวะเงินฝืด
เนื่องจากขณะนี้ราคาน้ำมันเริ่มทรงตัวและมีแนวโน้มที่จะปรับเพิ่มสูงขึ้น โดยกระทรวงฯ จะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดว่าจะเกิดภาวะเงินฝืดในอนาคตหรือไม่ เนื่องจากในปัจจุบันประชาชนยังคงมีความระมัดระวังในการใช้จ่าย
.................................
ที่มา : news.mthai.com
0 comments:
Post a Comment