คม วิเคราะห์ การเมืองรอบสัปดาห์ : 'ประยุทธ์' ดับไฟนักศึกษา : โดย...โอภาส บุญล้อม , สมฤทัย ทรัพย์สมบูรณ์
ผ่านไป 1 สัปดาห์ หลังการจับกุม 14 นักศึกษา ก่อนส่งเข้าเรือนจำ น่าจะกล่าวได้ว่า...ท่าทีของรัฐบาลที่มีต่อการเคลื่อนไหวของนักศึกษาในขณะนี้เริ่มอ่อนลง
เห็นได้ชัดจากล่าสุด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. ได้กล่าวตอนหนึ่งในรายการ “คืนความสุขให้คนในชาติ” ว่า สำหรับกลุ่มนักศึกษา ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มใด ก็ถือว่าเป็น “พลังบริสุทธิ์” ซึ่งน่าที่จะทำประโยชน์ให้แก่บ้านเมืองได้อีกมากในอนาคต
อีกทั้งก่อนหน้านี้ พล.อ.ประยุทธ์ ก็ได้ออกมาส่งสัญญาณเตรียมหาทางออกด้วยการเปิดช่องทางการพูดคุยเพื่อให้เกิดการยุติ
ผิดจากก่อนหน้านั้น ที่นายกฯ เป็นคนหนึ่งที่ออกมาตั้งคำถามเรื่อง “ผู้อยู่เบื้องหลัง” การเคลื่อนไหวของนักศึกษากลุ่มดังกล่าว ก่อนนำไปสู่การจับกุมทั้ง 14 คน ซึ่ง 11 คน เป็นนักศึกษา ส่วนอีก 3 คนเป็นอดีตนักศึกษา ที่ยังทำกิจกรรมเพื่อสังคมมาตลอดตั้งแต่ครั้งยังเป็นนักศึกษา
เวลาผ่านไป 1 สัปดาห์ หลังจากที่นายกฯ และแกนนำ คสช.อีกหลายคน รวมทั้งตำรวจที่เกี่ยวข้องที่พูดถึงเรื่อง “คนอยู่เบื้องหลัง” แต่ยังคงไม่มีความชัดเจนเกี่ยวกับการกล่าวหาที่ฝ่ายรัฐบาล คสช.ตั้งขึ้น ขณะเดียวกันท่าทีของฝ่ายรัฐบาลเริ่มอ่อนลง
“ไม่มีหลักฐานว่ามีใครอยู่เบื้องหลังนักศึกษากลุ่มนี้ เป็นเพียงแค่ข้อกังวลว่าจะมีกลุ่มการเมืองบางกลุ่มเข้าไปใช้ประโยชน์จากการเคลื่อนไหวของนักศึกษา” แหล่งข่าวจากฝ่ายความมั่นคงของรัฐบาล บอก
นี่น่าจะเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ท่าทีของรัฐบาล โดยเฉพาะ พล.อ.ประยุทธ์ เปลี่ยนไป
ผนวกเข้ากับความเคลื่อนไหวขององค์กรต่างๆ ทั้งองค์กรจากต่างประเทศ และความเคลื่อนไหวของกลุ่มต่างๆ ภายในประเทศ ภายหลังการจับกุม 14 นักศึกษากลุ่มขบวนการประชาธิปไตยใหม่ เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน ที่ผ่านมา อันเป็นผลพวงจากการชุมนุมที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ภายใต้ข้อหา ฝ่าฝืนคำสั่ง คสช. และประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116 และ 83 ฐานกระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หนังสือ หรือวิธีอื่นใดเพื่อให้เกิดความปั่นป่วนหรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชนถึงขนาดก่อความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักร
อาทิเช่น ในประเทศ ได้แก่ 281 อาจารย์ในนามเครือข่ายคณาจารย์ผู้ห่วงใยศิษย์ที่ถูกคุมขัง, กลุ่มคณาจารย์จากจุฬาฯ และธรรมศาสตร์, อดีตนักศึกษามหาวิทยาลัยรามคำแหง 110 คน, สถาบันสิทธิมนุษยชนและสันติศึกษา มหาวิทยาลัยมหิดล, ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน
นอกประเทศ ได้แก่ กลุ่มนักศึกษาไทยในมหาวิทยาลัยวิสคอนซิน-เมดิสัน สหรัฐอเมริกา, กลุ่มนักเรียนไทยในยุโรปที่ไม่เอารัฐประหาร เป็นต้น
ข้อเรียกร้องที่สำคัญ คือ 1.ปล่อยทั้ง 14 คน อย่างไม่มีเงื่อนไข 2.หากจะคุมขังต้องไม่คุมขังในเรือนจำ เพราะพวกเขาไม่ใช่อาชญากร แต่ให้คุมขังที่โรงเรียนพลตำรวจนครบาลบางเขน 3.หากจะมีการดำเนินคดี ให้ดำเนินคดีในศาลพลเรือน ไม่ใช่ศาลทหาร
ตอกย้ำด้วย “สำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ” หรือ โอเอชซีเอชอาร์ ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้รัฐบาลไทยยุติการดำเนินคดีอาญากับนักศึกษาที่ถูกจับกุม และขอให้ปล่อยตัวผู้ถูกควบคุมตัวทันที
ไม่ต่างจาก “สำนักงานคณะผู้แทนสหภาพยุโรปประจำประเทศไทย” ที่คัดค้านการพิจารณาคดีโดยศาลทหาร และเน้นเรื่องการปฏิบัติตามข้อผูกพันของประเทศไทยภายใต้กติการะหว่างประเทศ ว่าด้วยสิทธิพลเมืองและการเมือง
ล่าสุด แม้กระทั่งการเดินทางเยือนกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เพื่อเข้าร่วมประชุมผู้นำประเทศลุ่มแม่น้ำโขง-ญี่ปุ่น ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ก็มีกลุ่มคนไทยในญี่ปุ่นได้ไปชุมนุมหน้า “กระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่น" เป็นเวลา 1 ชั่วโมง เพื่อประท้วงการมาเยือนญี่ปุ่นของ พล.อ.ประยุทธ์ และผู้ชุมนุม ตะโกนเรียกร้องให้ทางการไทยปล่อยตัวนักศึกษา 14 คน ที่ถูกจับกุมขังอยู่ในเรือนจำทันที
ที่สำคัญ เมื่อทั้ง 14 นักศึกษา ประกาศไม่ขอประกันตัวโดยอ้างว่าไม่ยอมรับอำนาจ คสช. และศาลทหาร ยิ่งทำให้สถานการณ์ของรัฐบาลดูจะยิ่งลำบากมากขึ้น เพราะหมายถึงรัฐบาลจะต้องประคองสถานการณ์ในช่วง 12 วัน ให้ผ่านไปได้โดยไม่ทำอะไรให้เป็น “เชื้อไฟ” เข้าไปเติมอีก ซึ่งดูเหมือนว่ารัฐบาลก็ตั้งใจที่จะทำให้สถานการณ์เป็นเช่นนั้น
นอกจากท่าทีของนายกฯ ที่อ่อนลง อีกจุดที่น่าสังเกต คือ เหตุการณ์ระหว่างการประชุมคณะรัฐมนตรีที่เชียงใหม่ ที่มีกลุ่มนักศึกษาไปทำกิจกรรมต่อต้าน คสช.และให้กำลังใจเพื่อนทั้ง 14 คน ซึ่งพวกนักศึกษาไม่ได้ทำกิจกรรมต่อหน้านายกฯ แต่เลือกทำกิจกรรมอีกจุด ทำให้เจ้าหน้าที่ไม่สามารถเข้าควบคุมตัวได้ ตอนหลังเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวนักเคลื่อนไหว 3 คนจากร้านกาแฟ ซึ่งปกติเป็นสถานที่รวมตัวกันของนักศึกษาและนักกิจกรรมไปที่สถานีตำรวจภูพิงค์ แต่ไม่นานก็ปล่อยตัวไป
และล่าสุดกับการจัดกิจกรรม “โพสต์อิสรภาพ” เพื่อให้กำลังใจ 14 นักศึกษาซึ่งมีขึ้นตั้งแต่ 6 โมงเย็นของวันศุกร์ที่ผ่านมา ที่บริเวณสกายวอล์ก สถานีรถไฟฟ้าสนามกีฬาแห่งชาติ ไม่มีการบล็อกพื้นที่ ไม่มีทหารในเครื่องแบบในพื้นที่ มีเพียงตำรวจที่มาคอยดูแลสถานการณ์ มีการผ่อนปรนให้ผู้มาร่วมทำกิจกรรมได้ระบายความรู้สึกและความคิดเห็นได้เต็มที่และสุดท้ายกิจกรรมผ่านไปได้โดยไม่มีการปะทะ ไม่มีการสูญเสีย ไม่มีการจับกุมผู้เข้าร่วมชุมนุมใดๆ ทั้งสิ้น
จุดสำคัญนับจากนี้น่าจะอยู่ที่วันอังคารที่จะถึงนี้ (7 ก.ค.) ซึ่งจะครบกำหนด 12 วัน ของการฝากขังผัดแรก ซึ่งต้องรอดูว่าจะมีการฝากขังต่อครั้งที่ 2 หรือไม่ หรืออัยการจะสั่งไม่ฟ้องหรือไม่ ซึ่งหากไม่มีการฝากขังต่อหรืออัยการสั่งไม่ฟ้อง ก็ต้องปล่อยตัวนักศึกษา
ในขณะที่ตามกฎหมายสามารถฝากขังได้ 4 ครั้ง ครั้งละ 12 วัน รวม 48 วัน หากอัยการไม่ยื่นฟ้องภายใน 48 วัน ก็ต้องปล่อยตัวนักศึกษาเช่นกัน
หลังสุด “กฤษฎางค์ นุตจรัส” ทนายความจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ซึ่งรับว่าความให้ 14 นักศึกษา บอกว่า นักศึกษาทุกคนยังปฏิเสธไม่รับอำนาจของศาลทหารกรุงเทพที่จะดำเนินคดี เพราะพวกเขาเห็นว่าตนเองเป็นพลเรือน และต้องขึ้นศาลพลเรือนเท่านั้น นักศึกษายินดีที่จะต่อสู้ตามข้อกฎหมายเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของพวกเขาในศาลอาญาหรือศาลพลเรือน
“นี่คือเหตุผลว่าทำไมนักศึกษาไม่ขอประกันตัวแล้วออกไปต่อสู้คดีและเขาจะร้องต่อศาลทหารกรุงเทพในวันที่มีการฝากขังว่าหากศาลทหารกรุงเทพจะพิจารณาคดีพวกเขาโดยที่ไม่เต็มใจ ก็ขอให้เปิดการพิจารณาคดีอย่างเปิดเผย สาธารณชนเข้าฟังได้ และกรณีหากยังปิดลับ แอบทำอยู่ พวกเขาจะมีมาตรการต่อไปสำหรับตัวพวกเขาเอง”
ว่าไปแล้ว...เรื่องการตัดสินใจจับกุม 14 นักศึกษา ก็น่าเห็นใจรัฐบาลอยู่เหมือนกัน เพราะรัฐบาลอยู่ในสภาวะ “กลืนไม่เข้า-คายไม่ออก” เนื่องจากหากปล่อยปละไม่ดำเนินคดีตามกฎหมาย ก็อาจเป็นตัวอย่างให้กลุ่มอื่นๆ ออกมาผสมโรงหรือออกมาเคลื่อนไหวบ้าง จึงจำเป็นต้องจับกุมดำเนินคดีเพื่อเป็นการตัดไฟเสียตั้งแต่ต้นลม อีกทั้งตอนแรกฝ่ายรัฐก็ประเมินว่า มี “คนบงการ” อยู่เบื้องหลังการเคลื่อนไหวของนักศึกษาแต่อีกด้านหนึ่งเมื่อเดินหน้าบังคับใช้กฎหมาย ก็เกิดแรงกดดัน ที่ย้อนกลับมาสร้างปัญหาให้แก่รัฐบาล และ คสช.
ดังนั้นเมื่อมาถึงนาทีนี้ ข้อเรียกร้องของฝ่ายต่างๆ ทั้งในและนอกประเทศ ที่ต้องการให้ปล่อยตัวนักศึกษาโดยไม่มีเงื่อนไข ห้ามคุมขังในเรือนจำ และต้องขึ้นศาลพลเรือนเท่านั้น น่าจะเป็นทางเลือกสำหรับทางออกของรัฐบาล
และตอนนี้ “ประยุทธ์” แสดงท่าทีชัดเจนว่ากำลังพยายามดับไฟ จากการ “พลาด” ไปจับนักศึกษาส่งเข้าเรือนจำ แต่จะดับไฟได้สนิทหรือไม่ จับตาวันอังคารนี้!!
ที่มา http://www.komchadluek.net/detail/20150705/209168.html
0 comments:
Post a Comment